กันยายน 24, 2023

7 เทคนิคเลือกขายตรงให้โดน…ในยุค MLM ผุดเป็นดอกเห็ด

กดแชร์ได้เลยจ้า

บริษัทขายตรงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ชนิดเปิดเป็นรายวัน ปิดเป็นรายสัปดาห์ แล้วเราจะมีวิธีเลือกบริษัทขายตรงแบบไหน??? ถึงจะไม่โดนหลอก

            ทุกวันนี้ธุรกิจเครือข่ายขายตรงผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด มีทั้งที่เจ้าของเป็นคนไทยเอง และบริษัทขายตรงจากต่างประเทศ จากข้อมูลรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจขายตรงที่จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และได้วางหลักประกันตามกฎกระทรวง การวางหลักประกันการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2561 บริษัทขายตรงมีจำนวน 524 บริษัท และตลาดแบบตรง 530 บริษัท

            การที่มีบริษัทเปิดใหม่เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ที่ทั้งไม่ได้ยื่นขอจดทะเบียนกับสคบ. หรืออยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตสคบ. เป็นการบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมขายตรง ยังคงเติบโตและมีอนาคตสดใส

            แม้จะมีบริษัทเครือข่ายขายตรงเกิดขึ้นใหม่ราวกับดอกเห็ด แต่ก็มีบางส่วนที่ล้มหายตายจากไปเช่นกัน จนมีคนนำไปเปรียบเปรยว่า “บริษัทขายตรงเปิดเป็นรายวัน ปิดเป็นรายสัปดาห์”

จึงเกิดคำถามเยอะแยะมากมายตามมาว่า ถ้าธุรกิจนี้ดีจริง แล้วทำไมบริษัทที่เปิดมาแล้ว จึงอยู่ได้ไม่นาน แล้วเรามีหลักการพิจารณา เพื่อเลือกบริษัทขายตรงอะไรบ้าง

มร.ปีเตอร์ เอฟ ดรักเกอร์ ปรมาจารย์การตลาดระดับโลก ระบุว่า หลักการเลือกธุรกิจเครือข่ายขายตรง ต้องครบ 7 องค์ประกอบ ได้แก่ บริษัท (Company) ผลิตภัณฑ์(Products) แผนธุรกิจ (Plan) แนวโน้ม (Trends) จังหวะเวลา (Timing) ทีมงาน(Team) และทีมผู้บริหาร(Management)

แต่จากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจเครือข่ายขายตรงมาหลายสิบปี การยึดหลัก 7 ข้อดังกล่าว เป็นเพียงแค่แนวทางเบื้องต้นในการเลือกบริษัทของคนใหม่ หรือคนที่ไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายขายตรงมาก่อน

เพราะจริงๆ แล้ว การเลือกบริษัทเครือข่ายขายตรง ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น การสนับสนุนของบริษัท (ประธานบริษัท) 

ที่สำคัญไปกว่านั้น หากบริษัทที่เราเลือก ไม่ครบองค์ประกอบทั้ง 7 ข้อ ล่ะ ควรจะเข้าไปร่วมธุรกิจหรือไม่ ถ้าคำตอบ คือ ไม่ แสดงว่าก็ต้องหาบริษัทใหม่ๆ หรือไม่ก็ต้องเปิดบริษัทเอง ใช่หรือไม่???

เมื่อหลายคนเสาะแสวงหาบริษัทที่ครบองค์ประกอบดังกล่าวไม่มี หลายคนจึงเลือกวิธีการเปิดบริษัทเองซะเลย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่า ทำไมจึงมีบริษัทที่เกิดขึ้นใหม่ และก็ปิดตัวลงตลอดเวลา เพราะผู้นำ (บางคน) พยายามจะหาบริษัทที่ครบองค์ประกอบ 7 ข้อ แต่ไม่มี จึงเปิดบริษัทเอง

ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินทุน (สายป่าน), หลักการบริหาร และความโลภ ทำให้หลายบริษัทไปได้ไม่ไกล แม้ผู้นำบางคนจะเคยบริหารทีม สร้างยอดขายหลายล้านต่อเดือน หลายสิบล้านต่อเดือน แต่ไม่เคยนั่งเก้าอี้บริหาร หรือไม่เคยบริหารหลังบ้าน ทำให้ไม่มีความเข้าใจในธุรกิจ

อีกอย่างแผนการจ่ายผลตอบแทน ตอนที่ตนเป็นแม่ทีมก็อยากได้แผนการจ่ายฯ ที่จ่ายเยอะๆ แต่พอมานั่งบริหารเอง ไม่อยากจ่ายเยอะๆ หรือบางคนหัวใส คิดแผนการจ่ายแบบเยอะๆ ไว้ก่อน เพื่อเรียกแขกให้เข้ามาสร้างกระแสในช่วงเริ่มต้น แต่พอทำไปสักพักก็ปรับเปลี่ยนแผนการจ่ายใหม่ หรือไปลดคุณภาพสินค้า หรือลดคะแนน (พีวี) ลง

ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตาม ที่บริษัทไปแตะ 3 เรื่องนี้ สมาชิกจะเกิดความไม่มั่นใจ สักพักก็ย้ายค่าย และไปเปิดเอง จึงกลายเป็นวัฏจักรแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หลักการเลือกบริษัทนอกจาก 7 องค์ประกอบข้างต้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ การเลือกบริษัทที่ถูกจริตตัวเราและทีมงาน หรือให้ทีมงานของเราทำได้ด้วย ไม่ใช่คิดว่า เราทำได้ ก็เลือกไป แต่ทีมงานที่ตามหลังมา เขาไม่ชอบ และทำไม่ได้ ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะการทำธุรกิจเครือข่ายที่แท้จริงคือ ต้องช่วยให้คนที่อยู่ใต้ล่างของเราประสบความสำเร็จด้วย ยิ่งดาวน์ไลน์เราสำเร็จมากเท่าใด ตัวเราไม่ต้องพูดถึง ยังไงก็สำเร็จ

แต่หากตัวเราซึ่งเป็นอัพไลน์สำเร็จอยู่คนเดียว ผ่านไปจะกี่เดือน ก็มีเราอยู่คนเดียว เดี๋ยวคนข้างล่างเขาก็จะบอกเองแหละครับว่า ทำแล้วข้างบนได้อยู่คนเดียว พวกเราไปทำที่อื่นกันเถอะ!!

สรุปหลักการเลือกบริษัทเครือข่ายที่ถูกต้องคือ

บริษัทเจ้าของ (เป็นไหม) เข้าใจธุรกิจหรือไม่, สายป่านยาวไหม, หน้าตาขี้โกงไหม, ทรงไปยาวไหม, เตรียมหลังบ้านแน่นแค่ไหน เช่น ทีมที่ปรึกษา และทีมบริหารมืออาชีพแค่ไหน ฯลฯ

จากนั้นก็ไปดูสินค้า คุณภาพโอเคไหม ราคาเหมาะกับตลาดไหม พีวีต่อบาทสูงไปหรือน้อยไป แผนการจ่ายผลตอบแทนจ่ายให้กับคนใหม่หรือคนเก่าเยอะกว่า (ไม่ขอลงรายละเอียด) มีข้อจำกัดอะไรบ้าง, เงื่อนไขการจ่าย (แต่ละข้อ), การรักษายอด, อัตราการจ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ (ถ้าจ่ายมากมีผลต่อการโอเวอร์เปย์) ฯลฯ


กดแชร์ได้เลยจ้า