ยุคโควิด-19 ทุกธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจขายตรงพันธุ์แท้อย่าง “กิฟฟารีน” ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วันนี้ NewsFeed Channel ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารระดับสูง “คุณพงศ์พสุ อุณาพรหม” ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ถึงการปรับตัวในยุค New Normal

**กิฟฟารีน ปรับตัวเข้าไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค
คุณพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 25 ปี กิฟฟารีน มีการเปลี่ยนแปลงไปทุกทศวรรษ หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กิฟฟารีนจะเน้นการตลาดที่สื่อสารผ่านตัวนักธุรกิจ และแข่งขันกันเรื่องของคุณภาพสินค้าเป็นหลัก ปัจจุบันการแข่งขันยังอยู่ที่ตัวบุคคลและสินค้า แต่เพิ่มเรื่องของการเซอร์วิส และการทำธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น ดังนั้นกิฟฟารีนจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกยุคทุกสมัย และตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ กลยุทธ์การทำตลาดของกิฟฟารีน ไม่ว่าผู้บริโภคจะอยู่ไหน หรือทำอะไร ต้องเจอเราทุกช่องทาง ด้วยจุดเด่นของกิฟฟารีนที่มีสินค้าดี แผนการจ่ายผลตอบแทนดี มีระบบการบริหารจัดการดี และมีการให้บริการที่ดี ดังนั้นผู้บริโภคจะมีความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ของเราอย่างแน่นอน

“กิฟฟารีนปรับตัวมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการบริหารต้นทุน เพื่อคุมค่าใช้จ่าย เช่น การทำตลาดออนไลน์ เพื่อให้นักธุรกิจมีเวลาไปขยายตลาดได้มากขึ้น และการสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยให้นักธุรกิจทำงานง่ายขึ้น การให้บริการจัดส่งสินค้า หรือการบริการด้านอื่นๆ เป็นต้น”
**จับมือ 2 มาร์เก็ต เพลส เปิดร้านค้าออนไลน์
คุณพงศ์พสุ กล่าวอีกว่า นอกจากการทำตลาดออนไลน์ทั่วไปแล้ว กิฟฟารีนยังได้จับมือกับ 2 มาร์เก็ต เพลส แพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์รายใหญ่ของประเทศ เพื่อเปิดร้านค้าในระบบ E-Market Place โดยเปิดโอกาสให้กับนักธุรกิจสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ผ่านระบบของมาร์เก็ต เพลสดังกล่าวได้
“เมื่อ 4 ปีก่อนกิฟฟารีนได้ปรับตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 อีก เราได้เริ่มทำการตลาดแบบออนไลน์ โดยได้แจ้งให้กับนักธุรกิจเริ่มเรียนรู้เรื่องการตลาดออนไลน์ ดังนั้นเมื่อเกิดโควิด-19 นักธุรกิจกิฟฟารีนจึงไม่ตกใจ เขาสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้”
**10 เดือนแรกเข้าเป้า ยอดโต 10%
สำหรับผลประกอบการในช่วง 10 แรกของปีนี้นั้น คุณพงศ์พสุ กล่าวว่า ภาพรวมยังเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยเติบโตเฉลี่ย 10% ส่วนอีก 2 เดือนหลังจากนี้ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย เช่น การท่องเที่ยว การว่างงาน เศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งในช่วง 2 เดือนสุดท้ายกิฟฟารีนเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ การจัดเทรนนิ่ง และจัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงดังกล่าว

“ตอนนี้ธุรกิจขายตรงเป็นไงบ้าง ผมไม่อยากจะบอกว่าเรากำลังเผชิญอยู่ในสภาวะหลายๆ อย่าง อย่างแรกเลย คือเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวไม่ดีเหมือนเดิม 2.กำลังซื้อของคนที่ลดลงหรือกำลังซื้อหดตัวลงคนประหยัดมากขึ้น ใช้เงินน้อยลง และ 3. ปัญหาการว่างงานจะสังเกตว่า หลายๆ องค์กรเริ่มมีการลดพนักงาน ทำให้ปริมาณของคนที่ว่างงานเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจ”
อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจขายตรงยังมีโอกาสดีๆ ที่สามารถจะดำรงอยู่ได้ และมีโอกาสเติบโตได้ นอกเหนือจากการมีสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคใหม่ได้แล้ว ขายตรงมีเสน่ห์อย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือ สามารถเป็นงานเป็นอาชีพที่มั่นคงในสภาวะคนกำลังเจอปัญหาทางเศรษฐกิจ และปัญหาการว่างงาน ธุรกิจขายตรงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สำคัญมากที่จะช่วยพยุงให้ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้ ช่วยแก้ปัญหา ช่วยแก้อุปสรรคในชีวิตของเขาและครอบครัวได้
ดังนั้นอยากฝากถึงผู้ประกอบการและนักธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมขายตรงว่า ยังคงมีโอกาสอยู่ในแง่ของสถานการณ์แบบนี้ ธุรกิจขายตรงไหนเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจให้เขาสามารถที่จะใช้สินค้า และใช้แผนการจ่ายผลตอบแทน ช่วยสร้างรายได้ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองและครอบครัวได้

